‘สมคิด’ รับเข้าใจ เพราะเหตุไร ‘แรมโบ้’ ป้อง ‘บิ๊กตู่’ สุดชีวิต เนื่องจากว่า…

“สมคิด” เบิ้ดคำสิเว้า เปิดเผย “บิ๊กตู่” อุ้ม “เสกสกล” ใช้เส้นเอื้อประโยชน์พวก แต่งลูกชาย-บุตรสาว รับราชการตำรวจ
ตอนวันที่ 21 เดือนกรกฎาคม ที่สภานิติบัญญัติ มีการสัมมนาสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชักชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการสัมมนา เพื่อตรึกตรองญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ปริมาณ 11 คน เป็นวันที่สาม ซึ่งเป็นการจะอภิปราย พล.อำเภอประยุทธ์ จันทร์โอชะ นายกฯ แล้วก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ย้อนอ่านข่าวสารที่เกี่ยวโยง
‘เต้’ อุ้มพระ ขอบิณฑบาต ไล่ประยุทธ์ลาออก ปล่อยประเทศ ซัดอยู่ไปก็ไม่มีไรดียิ่งขึ้น
‘ตกแต่งร’ ลุกขอกลางที่ประชุม ไอ้ธรรมนัสน้องรัก ทำมือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ศักดิ์สิทธิ์ ชูเอาประยุทธ์ออกไปครั้ง
แล้วหลังจากนั้น นายสมคิด เชื้อคงจะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พื้นที่) อภิปรายพล.อำเภอประยุทธ์ จันทร์อร่อย นายกเมืองมนผู้แนะนำและก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ถึงแม้คณะรัฐมนตรี (คณะรัฐมนตรี) จะมาน้อยแต่ว่าก็ไม่เป็นปัญหาฝ่ายค้านที่จะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันนี้คือเรื่องของพล.อำเภอประยุทธ์ล้วนๆท่านจำต้องมา ส่วนจะฟังอยู่ที่ไหนก็เป็นอีกหนึ่งเรื่อง ธรรมดาตนกล่าวทีไรนายกรัฐมนตรีก็อยู่ทุกครั้ง แม้กระนั้นคราวนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีภารกิจก็ไม่ว่ากัน ซึ่งอย่างต่ำมีคณะรัฐมนตรีมาร่วมยอมรับฟังก็ยังดี วันนี้ผู้ที่เป็นตำรวจจำต้องฟังทั้งๆที่อยู่ในหน้าที่และไม่อยู่ในหน้าที่ เพราะว่าจำเป็นต้องคุ้มครองรักษาหน่วยงานตำรวจให้มีเกียรติรวมทั้งเกียรติ ไม่ใช่ผู้ที่ทำอะไรอยู่รวมทั้งไปทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่ตนเองกล่าว กรณีพล.อำเภอประยุทธ์ อีกไม่กี่เดือนก็จะ 8 ปี จากการยึดอำนาจและก็วิธีการลงคะแนนเสียงที่ไม่สมบูรณ์มากแค่ไหนหนัก ท่านลุอำนาจช่วยเหลือบุคคลสิ่งแวดล้อมที่ปฏิบัติหน้าที่ให้แก่คุณ สร้างความแตกต่าง สร้างรอยแผลให้กับบุตรหลาน
นายสมคิด พูดว่า วันนี้พล.อำเภอประยุทธ์ ที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นับว่าเป็นผู้กุมอำนาจสุงสุด ซึ่งจำต้องย้อนไปว่าสตช.ใช้งบประมาณธรรมดาไม่มีอะไรอื่นใด แม้กระนั้นมีจดหมายเวียนของพล.ตำบลอำเภอสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บังคับบัญชาตำรวจ เรื่องงบประมาณและก็ประเด็นต่างๆสำหรับการดูแลสตช.โดยกำหนดถึงวิถีทางสำหรับเพื่อการปฏิบัติราชการทำให้เห้นคร่าวๆว่าผู้บังคับบัญชาตำรวจจะต้องมองการบรรจุแต่งหัวข้อการสอบเข้า และก็ทั้งหมดทุกอย่างที่เกี่ยวกับตำรวจ ดังนี้นายกรัฐมนตรีไม่นึกถึงผู้คนไม่มีงานทำหรือบัณฑิตจบใหม่ที่ตกงานแม้กระนั้นมีคนบางกรุ๊ปที่ใช้เส้นผ่านสตช. เอาคนเข้ามาครอบครองตำแหน่งมาได้หลายแนวทาง รู้มาว่า มีลูกชาย บุตรสาว นักการเมืองคนหนึ่งที่ชิดกับพล.อำเภอประยุทธ์ เรียกว่าจะเป็นจะตายแทนกันได้เอาลูกเข้าตำรวจ เป็นบุคคลอื่นตนไม่ฉงนใจ เนื่องจากก่อนหน้ามีการนำลูกอดีตกาลผู้บังคับบัญชาตำรวจเข้ามาเป็นตำรวจ ลูกคนเป็นลูกตำรวจยังเพียงพอทำใจได้ ขั้นต่ำผู้ที่เป็นตำรวจใหญ่ได้สร้างคุณความดีให้กับหน่วยของเขา
นายสมคิด กล่าวต่อว่าต่อขาน หัวข้อนี้พล.อำเภอประยุทธ์ จัดแจงให้คนคนหนึ่ง เมื่อก่อนชื่อนายสุภรณ์ หลังจากนั้นเรียนสูงมากขึ้นเป็นด็อกเตอร์ ชื่อนายเสกสกล อัตถลาสกุล อดีตกาลผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ซึ่งไปไหนมาไหนร่วมกันเป็นเงาตามตัว มีข่าวสารว่าถึงกับขนาดก่อไฟแช็คให้กันในทำเนียบ เดินเป็นแฝด เก่งขนาดตั้งให้ไปดูแลเรื่องลอตเตอรี่มองไปดูมากมายลับแบ่งเข้าตัว ประเดี๋ยวเรื่องราวมีคลิปโจษจันจนกระทั่งในที่สุดจำนนลาออก ที่จำต้องกล่าวถึงด้วยเหตุว่าลูกของนายเสกสกล ได้รับการแต่งเป็นนายตำรวจชื่อ ร้อยตำรวจเอกความตั้งใจ อัตโผลงสกุล ด้อยกว่าสารวัตร ฝอำเภอ5 กองอำนวยการ ศูนย์บัญชาการสอบสวนกึ่งกลาง (บก.อัยการ) แต่ง ตอนวันที่ 31 มี.ค. 2564 รวมทั้งอีกคนบุตรสาวชื่อ นางสาวจิตมุ่งหมาย (รักษาชื่อสกุล) ใส่ม.ย. 2565 ตำแหน่งกองการต่างประเทศ เป็นการรับในตำแหน่งที่มิได้มีการขาด
“ผมพึ่งเข้าใจว่า เหตุไรคนเป็นบิดาถึงสู้ตายเพียงแต่ข้างๆคูๆช่วยพล.อำเภอประยุทธ์ จนกระทั่งไม่ลืมหูลืมตา การแต่งรูปแบบนี้เป็นเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวกตัวเอง แล้วพล.อำเภอประยุทธ์จะปรับปรุงตำรวจยังไง ภาษาบ้านผมเป็น “เบิ้ดคำสิเว้า” หรือเปล่ามีอะไรจะบอกแล้ว ผมอยากที่จะให้ราษฎรยอมรับฟังให้มีความเห็นว่าเมื่อเขามีอำนาจเขาทำอะไรก็ได้ แล้วก็ด็อกเตอร์คนนี้ไม่ธรรมดา เสกอะไรก็ได้ การปรับปรุงอะไรจำเป็นต้องดูตัวประธาน คนเป็นหัวหน้าหน่วยงาน เนื่องจากว่าตำรวจดีๆปฏิบัติงานเขาเสียความตั้งใจ นายกรัฐมนตรีจำเป็นจะต้องตอบประเด็นนี้ว่าแต่ว่างตั้งเข้าไปได้ยังไง นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดของบุตรหลาน แต่ว่าเป็นความไม่ถูกของคนแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรีจำต้องจดจำไว้ว่ามิได้เป็นผู้ชำระเงินให้ตำรวจเอง เพราะเหตุว่าตำรวจแต่ละคนกว่าจะปลดเกษียณคำนวณดูเหมือนจะจะต้องเสียเงินเสียทองกว่า 32 ล้านบาทต่อคน เมื่อแต่ง 2 คน ก็ใช้ภาษีของพสกนิกร 64 ล้านบาท กลับมิได้มีความรู้ความเข้าใจสำหรับในการปฏิบัติการให้หน่วยงานได้อย่างมาก” นายสมคิด กล่าว